ชิ้นที่ขายดีอันดับหนึ่งคือลู่วิ่งไฟฟ้าอย่างแน่นอน ส่วนอันดับที่สองนั่นคือ ครอสเทรนเนอร์ (cross trainer) หรือที่หลายหลายคนอาจเรียกกันว่าจักรยานอากาศบ้าง, ตั๊กแตนบ้าง(ตรงไหน?) อุปกรณ์ครอสเทรนเนอร์นั้นมีข้อดีหลายอย่างที่ลู่วิ่งไม่มีเช่น
1) เป็นอุปกรณ์ที่ใกล้เคียงกับการวิ่งเเต่ไร้กระแทก จึงเหมาะมากสำหรับผู้ที่อยากซ้อมวิ่งแต่มีข้อจำกัด เช่น เจ็บหลัง, เจ็บเข่า, น้ำหนักเกิน หรือแม้แต่นักวิ่งที่อยู่ในช่วงพักฟื้นจากการบาดเจ็บ
2) เป็นอุปกรณ์คาร์ดิโอไม่กี่ชิ้นที่จะต้องเล่นในท่ายืน และอาจจะเป็นอุปกรณ์ชิ้นเดียวที่ต้องใช้แรงแขนแรงแรงขาไปพร้อมๆกัน
เป็นที่น่าเสียดายที่อุปกรณ์ครอสเทนนเนอร์ส่วนใหญ่ที่เราเห็นในห้างสรรพสินค้านั้น มีเพียงไม่กี่ยี่ห้อทีเหมาะกับการฝึกวิ่งจริงๆ เพราะว่าเหตุผลต่อไปนี้
1) ทิศทางการเคลื่อนไหวของขาสำหรับอุปกรณ์ครอสเทรนเนอร์นั้นไม่เหมือนลู่วิ่ง เนื่องจากมีกลไกรองรับร่างกายให้ลอยจากพื้น และกลไกของแต่ละยี่ห้อนั้นก็ไม่เหมือนกัน ทำให้คลอสเทรนเนอร์ต่างยี่ห้อก็ต่างการเคลื่อนไหว หลายยี่ห้อที่เราเห็นวางขายในห้างนั้นการเคลื่อนไหวของขาคล้ายกับจักรยานที่หมุนเป็นวงกลมมากกว่าการวิ่งที่ก้าวเป็นวงรี
2) ระยะก้าวของบางเครื่องนั้นสั้นมากเปรียบเทียบได้กับการจ๊อกกิ้งแต่ไม่ใช่การวิ่ง
3) ความห่างของเท้าซ้ายและเท้าขวานั้นบางเครื่องกว้างมาก ซึ่งผิดธรรมชาติท่าวิ่งทีเท้าขวาและซ้ายกว้างห่างกันเพียงไม่กี่นิ้ว
4) ส่วนที่เป็นมือจับแทนที่จะอยู่ในระดับต่ำกว่าหัวไหล่และบิดเค้าแกนกลางลำตัวเช่นเดียวกับลักษณะการวิ่งที่ถูกต้อง กลายเป็นมืออยู่สูงกว่าหัวใหล่แถมยังถ่างออกห่างจากเเกนกลางลำตัว
เพื่อความเข้าใจ ขอเปรียบเทียบแบบที่ควรซื้อและแบบที่ไม่ควรซื้อให้เห็นภาพชัดชัดกันไปเลย ซ้ายมือคือครอสเทรนเนอร์จริงๆที่ออกแบบมาให้ใกล้เคียงกับการวิ่งมากที่สุดโดยไร้และกระแทก ขวามือคือจักรยานที่เอาเบาะนั่งออกและต่อแขนให้จับดีดีนี่เอง

